เหรียญหลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต วัดอรัญญวิเวก(ป่าลัน) รุ่นแรก
โดย...ชายนำ ภาววิมล...
นักนิยมพระเครื่องที่เริ่มศึกษาและสะสมพระเครื่องในช่วงระหว่างปี
๒๕๑๗ – ๒๕๒๗ คงพอจำได้ว่ายุคนั้น ไม่มีพระเกจิอาจารย์รูปใดที่มีการสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลรูปแบบต่างๆมากเท่ากับหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ พระอริยสงฆ์แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เป็นปูมหลังในการสร้างพระหลวงปู่แหวน สุจิณโณ
มีทั้งบวกและลบคละเคล้ากันไป สุดแล้วแต่ว่าใครจะมองหรือให้ความสนใจกับด้านใดด้านหนึ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในวิถีแห่งการบำเพ็ญเพียรของพระอริยสงฆ์อย่างหลวงปู่แหวน สุจิณโณ
ที่คนส่วนหนึ่งเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า “ท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์”
การอธิษฐานจิตแผ่เมตตาให้กับพระเครื่องและวัตถุมงคลชุดต่างๆ
ที่มีผู้ขอสร้างและนำไปให้ท่านอธิษฐานจิตแผ่เมตตา ล้วนเป็นกิจที่พระอริยสงฆ์ทั้งหลายกระทำไปด้วยเมตตาธรรมที่ยากจะหาสิ่งใดมาเปรียบได้
แม้ในยามอาพาธ พระอริยสงฆ์เหล่านั้นยังเมตตาทำให้โดยมิได้คำนึงถึงสังขารของตน
กระทั่งลูกศิษย์ที่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดจำต้องรับบทหนักในการจัดระเบียบ เพื่อให้พระอริยสงฆ์เหล่านั้นได้พักผ่อนตามเหตุจำเป็นที่มาจากความเสื่อมโทรมและอ่อนล้าของสังขาร
เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบั้นปลายชีวิตของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ก็เป็นเช่นนั้น
พระที่ได้รับมอบหมายปรนนิบัติรับใช้ท่านจำต้องรับหน้าเสื่อในการลดกิจอันเป็นการละเมิดสิทธิการพักผ่อนของพระอริยสงฆ์ในห้วงเวลาที่ท่านใกล้จะละสังขารไปในไม่อีกไม่กี่เพลาข้างหน้า
และนี่คือที่มาของความขัดแย้งที่ทำให้พระผู้ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่แหวน
สุจิณโณ พึงต้องออกจากวัดดอยแม่ปั๋ง หลังจากที่หลวงปู่แหวน สุจิณโณ มรณภาพไปแล้ว
ด้วยเหตุที่ไปทักท้วงและขัดขวางมิให้นำพระเครื่องชุดหนึ่งเข้าไปให้หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
อธิษฐานแผ่เมตตา ก่อนที่หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ละสังขารเพียงไม่กี่วัน
พระที่ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่แหวน สุจิณโณ จนถึงวินาทีสุดท้ายคือหลวงพ่อทวี
จิตฺตคุตโต เจ้าอาวาสวัดอรัญญวิเวก
(ป่าลัน) ต.ปงน้อย อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย
หลวงพ่อทวี
จิตฺตคุตโต เป็นคนพื้นเพเดียวกับหลวงปู่แหวน
สุจิณโณ คือ เป็นคนจังหวัดเลยเหมือนกัน
ตามหนังสือชีวประวัติที่ท่านคณะศิษยานุศิษย์จัดพิมพ์ขึ้นเมื่อปี ๒๕๔๗ ระบุว่า
หลวงพ่อทวี จิตฺตคุโต มีนามเดิมว่า “ทวี สุรสิงห์” เป็นลูกชายคนโตของนายดี สุรสีห์
กับนางบัวผัน มะลิเวิน ถือกำเนิดวันจันทร์ที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๓ ที่บ้านสูบ
ต.น้ำสรวย อ.เมือง จ.เลย พอเกิดมา
ท่านร้องไห้ตลอดเวลา จนโยมแม่ของท่านต้องอุ้มไปหาหมอ
หาไปหลายแห่งก็ยังไม่หายจากอาการร้องไห้ตลอดเวลา นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนตั้งครรภ์
เคยฝันเห็นคนแก่คนหนึ่งนำช้างดอมาให้ (ช้างดอ คือ ช้างตัวผู้ที่ไม่มีงา)
แล้วพูดว่า“อีนางเอย พ่อจะให้ช้างตัวนี้แก่เจ้าเน้อ ให้เจ้าจงรักษาเอา”
โยมแม่ของท่านจึงตั้งจิตอธิษฐานว่า“ลูกชายคนนี้จะให้บวชอยู่ในพระบวรพุทธศาสนา”
พออธิษฐานจิตจบลง เด็กน้อยก็หยุดร้องไห้ทันที และคืนนั้น นางบัวผัน มะลิเวิน นิมิตเห็นลูกชายคนโตว่าไปนั่งอยู่ในป่าขมิ้นเหลืองอร่ามไปหมด
และลูกน้อยของนางก็หยุดร้องไห้ตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา
นี่กระมังที่ฝรั่งเขาเรียกว่า“Born
to be” หรือเกิดมาเพื่อรับใช้พระบวรพุทธศาสนาโดยแท้
ชีวิตในวัยเด็กของหลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต วนเวียนอยู่กับความคิดที่จะบวชเรียนอยู่เสมอๆ บางครั้งก็เก็บไปฝันเห็น “พระรูปหนึ่งมาทางทิศตะวันตกของบ้าน
ท่าทางเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแลน่าเลื่อมใสยิ่งนัก กระต๊อบที่พระรูปนั้นอาศัยจำพรรษาตั้งงอยู่หัวทางที่ท่านเดินจงกรม
ในนั้น มีหนังสือพระไตรปิฎก ๓ เล่ม วันธรรมดา พระรูปนั้น มักเดินออกไปบิณฑบาตที่ในป่า
เว้นแต่วันพระที่เดินมาบิณฑบาตในหมู่บ้าน กลับจากบิณฑบาตแต่ละครั้ง
ในบาตรมีแต่ใบไม้ผลไม้ มีกลิ่นหอมมาก ทำให้หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต
คิดอยากทานใบไม้ผลไม้ที่พระรูปนั้น บิณฑบาตมาบ้าง” ตื่นเช้าขึ้นมา
ก็เล่าให้เล่าให้พ่อเลี้ยงฟัง(โยมพ่อของหลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต
เสียชีวิตตั้งแต่ท่านมีอายุได้ ๖ - ๗ ขวบ
ต่อมาโยมแม่ของท่านได้แต่งงานใหม่กับนายแก่น บุดดา และย้ายไปอยู่ที่ อ.เชียงคาน)
พ่อเลี้ยงของท่านบอกให้สอบไล่ได้เสียก่อน แล้วจะพาไปอยู่กับอา
แต่พ่อเลี้ยงของท่านก็มาด่วนเสียชีวิตไปก่อน
โยมแม่ของท่านจึงย้ายครอบครัวกลับมาอาศัยอยู่กับตายายของท่านที่บ้านสูบตามเดิม
ในปี
๒๕๐๐ ตอนนั้น หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต อายุได้ ๑๗ ปี โยมตาและโยมแม่ของท่านได้ข่าวว่ามีพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาอยู่ถ้ำผาปู่
บ้านนาอ้อ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของโยมแม่
จึงพากันไปกราบนมัสการพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปนั้น พระภิกษุรูปนั้น คือ “หลวงปู่คำดี
ปภาโส” เมื่อฟังเทศน์ของหลวงปู่คำดี ปภาโส แล้ว เกิดความซาบซึ้งในคำสอนของหลวงปู่คำดี
ปภาโส โยมตา โยมแม่ และญาติของท่าน จึงหาสถานที่สร้างวัดและนิมนต์หลวงปู่คำดี
ปภาโส มาอยู่ที่กุฏิชั่วคราวที่ทุกคนช่วยกันสร้างขึ้น จากนั้นโยมแม่ของหลวงพ่อทวี
จิตฺตคุตฺโต จึงส่งท่านให้มาปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่ดี ปภาโส
การปรนนิบัติรับใช้พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบครั้งนี้ ทำให้หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต
มีศรัทธาที่จะบวชมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสบช่องได้โอกาส
ก็เล่าความฝันเมื่อตอนเด็กและถามว่าทำอย่างไรจึงจะได้บวช หลวงปู่คำดี ปภาโส
พูดเปรยๆ ว่า “เด็กคนนี้ มีอุปนิสัยในพระพุทธศาสนา” และให้ไปขออนุญาตจากโยมแม่เสียก่อน หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต
จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรและศึกษาพระธรรมอยู่กับหลวงปู่คำดี ปภาโส
จนกระทั่งออกพรรษาไปแล้วประมาณ ๒ – ๓ เดือน
ก็มีเหตุจำเป็นที่ท่านต้องลาสิกขาบทออกไปประกอบการงานเพื่อเลี้ยงดูโยมแม่ของท่านที่ได้รับความลำบากทุกข์ยากในเพลานั้น
พออายุได้
๒๒ ปี ก็ถึงกาลเวลาที่หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต ต้องกลับมาบวชอีกครั้ง ในวันหนึ่ง
ท่านออกไปนอนที่ไร่และฝันไปว่า “พระอริยสงฆ์รูปหนึ่งเข้ามาที่ไร่นั้น หลวงพ่อทวี
จิตฺตคุตฺโต
เข้าไปกราบนมัสการแล้วขอรับบริขารของท่านเพื่อที่จะนิมนต์พระอริยสงฆ์รูปนั้นให้ขึ้นไปที่กระต๊อบในไร่
พระอริยสงฆ์รูปนั้นกล่าวกับท่านว่า เธอจะบวชไหม ถ้าเธอไม่บวช เราก็จะไม่ให้รับบริขารนี้เป็นอันขาด
หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตโต ตอบไปว่า กระผมจะบวชขอรับ
พระอริยสงฆ์รูปนั้นจึ่งยื่นบาตรและบริขารให้ท่าน แล้วก็หายตัวไปในทันที” ความฝันนี้
ทำ ให้หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตโต ครุ่นคิดที่จะบวชอยู่ตลอดเวลาเพราะน้องๆ
ก็โตมีครอบครัวและสามารถดูแลโยมแม่ของท่านได้แล้ว ในช่วงเวลานั้น
โยมป้าต้องการให้ท่านมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที
ทั้งหมายหมั้นสาวหนึ่งให้กับท่านแล้ว หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต
ไปปรึกษาโยมแม่ก็ถามว่าท่านรักหญิงสาวนั้นไหม ถ้ารักก็ให้แต่ง
แต่ขอให้บวชเรียนเสียก่อน ทั้งเล่าเรื่องในอดีต
เรื่องที่ท่านเกิดมาแล้วร้องไห้ไม่หยุด
มาหยุดเอาตอนตั้งจิตอธิษฐานให้ลูกชายคนนี้บวชเมื่อเติบใหญ่ เมื่อได้ยินเรื่องราวต่างๆแล้ว ท่านจึงตัดสินใจว่าจะบวชและไม่ติดต่อกับป้าและหญิงสาวนั้นอีกเลย
ในพรรษาปีนั้น
พระอาจารย์จันทร์ดา กสฺสโป
ไปจำพรรษาที่บ้านสูบ พอสิ้นพรรษาและหมดกฐินแล้ว
จึงธุดงค์ต่อไปที่จังหวัดขอนแก่น หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต ติดตามพระอาจารย์จันทร์ดา
กสฺสโป มาอุปสมบทที่พระอุโบสถวัดศรีจันทร์ ในวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๐๕ โดยมี
พระวินัยสุนทรเมธี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูศรีธรรมาลังการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
และพระมหาศรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีต้นสังกัดอยู่ที่วัดป่าวิเวกธรรมเหล่างา
ต.พลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่ออุปสมบทแล้ว เริ่มออกธุดงค์ตั้งแต่พรรษาแรกและได้พบเหตุการณ์ต่างๆ
มากมาย กระทั่งปลายปี ๒๕๐๙ พระอาจารย์หนู สุจิตโต เจ้าอาวาสวัดดอยแม่ปั๋ง
ชักชวนให้ท่านไปกราบนมัสการหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ที่วัดดอยแม่ปั๋ง
เมื่อได้สนทนากันแล้ว หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ถามพระอาจารย์หนู สุจิตโต
ว่าจะเอาทวีไปไว้กุฏิไหน พระอาจารย์หนู สุจิตโต จึงให้ไปอยู่ที่กุฏิหลังหนึ่ง
พร้อมทั้งพูดว่าให้ทดลองว่าจะอยู่ได้หรืออยู่ไม่ได้ เมื่อมาอยู่ที่กุฏินี้
มีเหตุนิมิตหลายเรื่องที่ทำให้หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตโต
ต้องตรึกตรองว่าจะอยู่ในพระบวรพุทธศาสนาได้หรือต้องหมดวาสนาเพียงแค่นี้ ตรองแล้วจึงขออนุญาตหลวงปู่แหวน
สุจิณโณ ออกธุดงค์ไปที่ป่าเมี่ยง แม่สาย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เมตตาชี้แนะหลายประการที่เป็นประโยชน์ต่อการเดินธุดงค์ครั้งนี้ และพูดตบท้ายว่า “จะไปก็ไปเสียก่อน
อยากจะกลับแล้วค่อยมาทีหลัง”
ที่ป่าเมี่ยงแม่สาย
หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตโต
บำเพ็ญเพียรต่อสู้เอาชนะกิเลสจนมีพลังจิตแก่กล้าขึ้นกว่าเดิมมาก
จากนั้นเดินทางต่อไปที่จันทร์บุรีเพื่อกราบนมัสพระอาจารย์บุญจันทร์ อาจารย์ของท่านอีกรูปหนึ่ง และในปี ๒๕๑๒
หรือพรรษาที่ ๗ เดินทางกลับมาปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
ที่วัดดอยแม่ปั๋งอีกครั้งหนึ่ง กลับมาคราวนี้ หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตโต
อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่แหวน สุจิณโณ จนถึงวันที่หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
ละสังขารไปในปี ๒๕๒๘ จากนั้น หลวงพ่อทวี จิตฺตคุโต ก็ปลีกวิเวกหลีกความขัดแย้งในวัดดอยแม่ปั๋งไประยะหนึ่ง
แล้วจึงรับนิมนต์จากญาติโยมให้มาจำพรรษาที่วัดอรัญญวิเวก (ป่าลัน) เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
วัดอรัญญวิเวก
(ป่าลัน) ต.ปงน้อย อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย ในทุกวันนี้ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่ง
ที่เชื่อกันว่าวัดนี้มีพญานาคสองตนดูแลปกปักรักษาอยู่ จริงไม่จริง เชื่อหรือไม่เชื่อ
ก็ไม่ควรไปลบหลู่หรือลองดีกับสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะมีคนที่ลองของและเจอดีมาแล้ว ภิกษุรูปใดที่ไม่มีศีลบริสุทธิ์และมีจริยาวัตรงดงามก็ยากที่จะครองวัดแห่งนี้ได้
นับแต่วันที่หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต ครองวัดอรัญญวิเวก
มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ทุกวันพระจะมีพระธาตุต่างๆ ลอยมาหาท่านเป็นจำนวนมาก
มากจนกระทั่งท่านตั้งสร้าง “พระมหาธาตุเจดีย์ ๙ มงคลเหนือสุดสยาม”
ขึ้นมาเพื่อประดิษฐานพระธาตุทั้งหมดที่ท่านได้มาโดยอัศจรรย์ พระมหาธาตุเจดีย์ฯ นี้
เริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙ แล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม
พ.ศ.๒๕๕๐ และทำพิธีฉลองเมื่อวันที่ ๑๘ – ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ หากมิใช่บารมีของหลวงพ่อทวี
จิตฺตคุตฺโต พระมหาธาตุเจดีย์ฯ นี้ คงไม่เสร็จในเร็ววัน จากนั้น ในปี ๒๕๕๔
หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต ก็เริ่มสร้างพระอุโบสถหลังใหม่
แล้วเสร็จและเพิ่งฉลองไปในระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๕ มีนาคม ที่ผ่านมานี้
พื้นที่ก่อนก่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์
หลุมเสาเอกพระมหาธาตุเจดีย์
ในด้านพระเครื่องและวัตถุมงคล
ก่อนหน้าที่ท่านตัดสินใจสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ ๙ มงคลเหนือสุดสยาม
บรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายเรียกร้องให้ท่านสร้างเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ท่านปฏิเสธเรื่อยมา กระทั่งคณะศิษย์จากกรุงเทพมหานครกลุ่มหนึ่งขึ้นมากราบนมัสการและรับเป็นเจ้าภาพในการทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อหาปัจจัยสมทบทุนสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ฯ
ท่านจึงได้อนุญาตให้คณะศิษย์ฯ คณะนี้ จัดสร้างเหรียญและพระผงรูปเหมือนรุ่นแรกขึ้นในปลายปี
๒๕๔๘
เพื่อเป็นที่ระลึกในการทอดผ้าป่าสามัคคีและหาจตุปัจจัยสมทบทุนสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ฯ
เหรียญและพระผงรูปเหมือนเนื้อว่าน รุ่นแรกนี้ มีจำนวนการสร้าง ดังนี้
๒) เหรียญนาค ๔ เหรียญ
๓) เหรียญเงินลงยา ๑๙ เหรียญ
๔) เหรียญนวโลหะ ๑๙
เหรียญ
๕) เหรียญทองแดงรมดำ ๖,๐๐๐ เหรียญ
๖) พระผงรูปเหมือนเนื้อว่าน(ลักษณะเดียวกับเหรียญรุ่นแรก)จำนวน ๒,๐๐๐ องค์
เหรียญและพระผงรูปเหมือนเนื้อว่าน
รุ่นนี้ หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต
อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว และนำออกมาแจกหรือมอบให้ผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ฯ
จนหมดจากวัดในเวลาไม่นานนัก ปัจจุบันเป็นเหรียญที่นิยมเล่นหาสะสมกันในระดับท้องถิ่น/หมู่ลูกศิษย์
สนนราคาเช่าหาในพื้นที่แตะหลักพันไปแล้ว เว้นเหรียญทองคำ นาค เงินลงยา และนวโลหะ
ที่หายากสุดๆ ประเภทมีเงินก็หาไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะไปเสาะแสวงหาจากที่ใด
ส่วนเหรียญทองแดงรมดำและพระผงรูปเหมือนเนื้อว่าน ยังพอหาได้ไม่ยากนัก
ภาพหลวงพ่อทวี จิตฺตคุตโต ในวันทอดผ้าป่าสามัคคีฯ
ผมไปกราบท่านตั้งแต่ปี 2516 พร้อมกับคุณแม่โสภี อินทรทัตและภริยา อยากติดต่อทางโทรศัพท์มือถือของท่านแต่ไม่ทราบเบอร์ครับ ใครทราบช่วยบอกท่านด้วย เบอร์ผม 023858197
ตอบลบ